วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

นุ้ย เชิญยิ้ม First Love เฟิร์ส เลิฟ

นุ้ย เชิญยิ้ม จาก First Love เฟิร์ส เลิฟ




"นุ้ย เชิญยิ้ม"
       ถ้าพูดถึงวงการตลกในบ้านเรา "คณะเชิญยิ้ม" คงเป็นชื่อนามสกุลของนักแสดงตลกที่คุ้นหูคุ้นตากันของใครหลายๆ คน เพราะเป็นกลุ่มที่มีความโดดเด่นด้านการสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้เกิดขึ้นในสังคม เช่นเดียวกับ "พี่นุ้ย เชิญยิ้ม" หนึ่งในสมาชิกของคณะเชิญยิ้ม ที่สร้างชื่อเสียงจนโด่งดังมาจากการเล่นตลก ซึ่งวันนี้ทีมงาน Life & Family มีโอกาสได้มาคุยเปิดอกเรื่องครอบครัวและเบื้องหลังของความสำเร็จต่างๆ ที่ทำให้เขามีวันนี้ได้
      
       ย้อนวันวานกับเรื่องราวของ "นุ้ย เชิญยิ้ม" หรือชื่อจริง "ชูเกียรติ เอี่ยมสุข" พี่นุ้ยเล่าว่า เขาเป็นคนจังหวัดนครนายกโดยกำเนิด มีพี่น้อง 7 คน มีพี่น้องร่วมบิดา 2 คน คือ โหน่ง (ซะชะซ่า) และเก่ง น้องชายคนสุดท้อง ส่วนเขาเป็นลูกชายคนกลางของบ้าน เขาอาศัยอยู่กับตายายตั้งแต่อายุได้ 2 ขวบ เพราะพ่อแม่แยกทางกัน จนกระทั่งเรียนจบชั้นป. 6 ด้วยความที่ฐานะทางครอบครัวไม่สู้ดีนัก ตากับยายจึงไม่มีเงินส่งหลานๆ เรียนหนังสือ พี่นุ้ยจึงต้องออกไปหางานทำ เพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัวและดูแลตากับยาย เพราะท่านก็แก่เฒ่าไปทุกวัน
      
       "พี่เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 12 ปี โดยทำงานรับจ้างทั่วไปตามหมู่บ้าน จากนั้นก็ออกไปทำงานในตัวเมือง จนวันหนึ่งได้มาอยู่ในวงดนตรีลูกทุ่ง โดยเริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการเป็นเด็กยกของ ตั้งกอง และได้รับโอกาสที่ดีให้ขึ้นเวทีร้องเพลง เต้นเป็นหางเครื่องและประสบความสำเร็จในอาชีพการเล่นตลกจนถึงทุกวันนี้"
      
       พอถามถึงเรื่องชีวิตครอบครัวของตัวเอง ณ วันนี้บ้าง พี่นุ้ยยืดอกเล่าอย่างลูกผู้ชายว่า การใช้ชีวิตคู่และการมีครอบครัวมันไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตของเขา เพราะเขาก็เคยผ่านการแต่งงานและมีครอบครัวมาก่อนที่จะมาแต่งงานกับตั๊ก (ศิริพร อยู่ยอด) แม้จะได้เลิกรากับครอบครัวเก่ามาเริ่มต้นใช้ชีวิตครอบครัวใหม่อีกครั้ง แต่เขาก็ยังคงแสดงความเป็นลูกผู้ชายในการรับผิดชอบและทำหน้าที่ของหัวหน้าครอบและเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ ทั้ง 2 บ้าน โดยไม่ขาดตกบกพร่องเลย
      
       "พี่เคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต พอมาถึงตอนนี้ก็อยากจะทำให้ครอบครัวในปัจจุบันมีความมั่นคง ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องมีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี วางแผนอนาคตไว้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วจะมีการแก้ไขปัญหากันอย่างไร ซึ่งไม่ได้วางแผนเฉพาะครอบครัวของพี่กับตั๊กและน้องภู แต่จะต้องวางแผนชีวิตของครอบครัวกับภรรยาคนก่อนด้วย เพราะพี่ยังต้องมีหน้าที่ในการรับผิดชอบเลี้ยงดูส่งเสียลูกให้ได้เรียนหนังสือ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ถึงแม้เราจะเลิกรากันไปแล้วก็ตาม" พี่นุ้ยเล่า
       พี่นุ้ยยังบอกอีกว่า แม้การทำอาชีพเป็นนักแสดงตลกบางครั้งก็ไม่ได้มีรายได้มากมายอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เขาก็พยายามทำงานเก็บเงินเพื่อส่งเสียให้ลูกๆ ได้อยู่กันอย่างสบาย ตามความรับผิดชอบของคนเป็นพ่อ และยังต้องดูแลครอบครัวอันเป็นที่รัก ณ ปัจจุบันด้วย เขาวางรากฐานชีวิตด้วยการประหยัดอดออม รู้จักใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกในวันข้างหน้า
      
       "พี่อยากให้ลูกๆ ได้เรียนจบสูงๆ เท่าที่กำลังของพ่อแม่จะส่งเสียได้ เพราะตอนเด็กๆ พี่อาจจะขาดโอกาสในการเรียนจึงไม่อยากให้ลูกต้องมาลำบากเหมือนกับเรา อีกอย่างทุกวันนี้การเรียนคือการแข่งขัน ถ้าเราอยากให้ลูกมีความรู้ก็ต้องส่งเสริมให้ลูกทำในสิ่งที่ชอบ โดยเฉพาะความรู้เรื่องภาษาและเทคโนโลยีพี่อยากให้ลูกเก่งภาาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย อังกฤษ และจีน หรือว่าลูกจะอยากเรียนอะไรพี่ก็พร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่"
      
       ส่วนความน่ารักน่าเอ็นดูคงไม่มีใครเกิน "น้องภู" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบ้านนี้ พี่นุ้ยถึงกลับเอ่ยปากชมพี่ตั๊กภรรยาคนเก่งของเขาว่า ส่วนใหญ่การดูแลลูกจะต้องยกความชอบให้กับพี่ตั๊ก เพราะเขาเป็นคนที่ดูแลดูเอาใจใส่ลูกได้ดีมาก ส่วนคุณพ่อนุ้ยจะเป็นคนที่ไม่ค่อยตามใจลูก จนบางครั้งทำให้ลูกไม่กล้าเข้าใกล้ ทำให้น้องภูติดคุณแม่มากกว่า แต่คุณพ่อนุ้ยก็ขอมีส่วนร่วมด้วยการสอนลูกผ่านคุณแม่ตั๊ก โดยการเน้นว่าต้องเลี้ยงลูกให้น่ารัก น่าเอ็นดู มีสัมมาคาราวะ รู้จักนอบน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ใช่ว่าเป็นลูกดาราแล้วจะทำอะไรตามใจตัวเองได้ทุกอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่บ้านนี้ให้ความสำคัญมาก
      
       ส่วนกิจกรรมของบ้านนี้ที่ทำร่วมกันบ่อยๆ เห็นจะเป็นการอยู่บ้าน ทำกับข้าวรับประทานด้วยกัน พี่นุ้ยบอกว่า เวลาที่ทุกคนในบ้านได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าเท่านี้มันก็มีความสุขแล้ว เพราะต่างกันต่างต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ อีกอย่างการทำงานในวงการบันเทิงก็จะมีเวลาไม่ตรงกันอยู่แล้ว พี่กับภรรยาก็แบ่งเวลากันในการดูแลลูก แต่ส่วนใหญ่หน้าหลักๆ ก็เป็นหน้าที่ของคุณแม่ตั๊ก ส่วนคุณพ่อจะเป็นเหมือนทหารกองหนุนที่ต้องเตรียมพร้อมเมื่อมีหมายเรียกคอยอยู่เล่นกับลูก
      
       แม้จะมีลูกชายน่ารักน่าหยิกขนาดไหน แต่ก็มีวีรกรรมเด็ดที่ลูกสร้างเอาไว้จนทำให้พ่อแม่ปวดเศียรเวียนเกล้า เช่น บางครั้งในวันหยุด พ่อแม่ก็อยากจะพักผ่อน แต่ลูกก็อยากจะเล่น พ่อแม่ก็ต้องลุกขึ้นมาเล่นกับลูก เพราะยังไงลูกก็สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
ครอบครัวนักแสดงตลก
       "มีอยู่ครั้งหนึ่งทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองในบ้าน ด้วยความที่ลูกอยากเล่นเป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เขาก็ลงมือต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับโทรทัศน์ ต่อโทรทัศน์เข้ากับเครื่องเสียง เขาก็แกะสายโน้นต่อกับสายนี้ จนสายไฟพันกันระโยงระยางไปหมด แล้วก็เกิดไฟช็อต และเกือบไหม้บ้าน แต่ยังโชคดีที่ลูกไม่เป็นอะไร แค่ตกใจกับเสียงไฟช็อตที่เกิดขึ้น ตอนนั้นพี่โมโหและโกรธมาก ด้วยความเป็นห่วงลูกก็เลยตีลูกด้วยสายไฟที่เขาเล่น หลังจากนั้นก็อธิบายให้เขาฟังว่า เหตุผลที่พ่อตีก็เพราะว่าสิ่งที่ลูกทำมันไม่ถูกต้อง อีกอย่างลูกก็ยังเป็นเด็กอยู่ไม่ควรเล่นอะไรที่มันเสี่ยงอันตรายเวลาที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ซึ่งเขาก็เข้าใจในบทลงโทษนั้น" 
      
       อย่างไรก็ตาม พี่นุ้ยยังบอกอีกว่า เขานำเอาคำสั่งสอนของคุณตาคุณยายมาปรับใช้ในชีวิตจนทำให้เขาประสบความสำเร็จในวันนี้ได้ และยังเอามาสอนลูกต่อด้วย ท่านทั้ง 2 คนเป็นคนที่ต่อสู้ชีวิต ขยัน อดทน ทำงานถึงจะได้เงินเล็กน้อยก็ยังทนทำเพื่อเก็บหอมรอมริบเอาไว้ให้ได้เป็นเงินก้อนใหญ่ หรือแม้จะทำงานเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ท่านก็ไม่เคยบ่นหรือท้อแท้กับโชคชะตาเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่นุ้ยระลึกคำสอนนี้อยู่ในใจเสมอ
      
       ไม่หวังให้ลูก เป็น "ลูกไม้หล่นใกล้ต้น"
      
       ส่วนความหวังที่อยากจะให้ลูกเจริญรอยตามพ่อแม่ในอาชีพการแสดงตลก คุณพ่อนุ้ยบอกว่า น้องภูไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นตลก เพราะเป็นคนที่สมาธิสั้น แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการแสดงก็ยังพอมีแววเปล่งประกายแพรวพราวบ้าง แต่ในความคิดของคนเป็นพ่อก็ไม่อยากให้ลูกมาทำงานในวงการบันเทิง ตรงข้ามอยากให้ลูกตั้งใจเรียนมากกว่าไปให้ความสำคัญกับการเป็นดารา เพราะกลัวว่าลูกจะหลงระเริงไปกับแสงสีของโลกมายา อีกอย่างลูกก็ยังเล็กอยู่ แต่ถ้าเขาโตขึ้นและสนใจกับอาชีพนี้จริงๆ พ่อแม่ก็พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ต้องตั้งใจเรียนให้ดีเสียก่อน
      
       สุดท้าย คุณพ่อนุ้ยขอทิ้งท้ายว่า ถึงแม้ว่าครอบครัวของเราจะไม่ได้มีเคล็ดลับหรือเทคนิคในการสร้างความสุขในครอบครัวอะไรมากมาย เพียงแต่ทุกคนในบ้านต่างรู้หน้าที่ของตัวเองว่า ต้องทำอะไรบ้าง และอีกอย่างเราเป็นครอบครัวนักแสดง ไม่ใช่งานประจำอย่างข้าราชการ บางวันไม่มีงานก็มีเวลาอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าช่วงไหนงานยุ่งๆ อาจจะมีเวลาน้อย แต่ทุกคนก็เข้าใจในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะลูกที่เราต้องสร้างความเข้าใจและพยายามหาวันหยุดไห้ได้ตรงกันและใช้เวลาอยู่กันเป็นครอบครัวแบบพ่อแม่ลูก เพื่อเติมเต็มความสุขในแก่กันข้อมูล
http://www.manager.co.th

1 ความคิดเห็น:

  1. บริษัท slot pg จะเล่นเกมไหน ก็สนุกสนานสุดสนุก และรับเงินรางวัล PGSLOT ในเกมมาก สล็อตเว็บไซต์ตรง เปิดให้บริการ พร้อมเกมสล็อต ที่จะทำให้ท่าน รับเงินรางวัลมั่นใจ เกมใหม่พลาด

    ตอบลบ