วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

รฐา โพธิ์งาม Jit-sam-phas จิตสัมผัส,

รฐา โพธิ์งาม Jit-sam-phas จิตสัมผัส, 



ชื่ออื่นๆ : ญาญ่าญิ๋ง(หญิง)
วันเกิด : 19 พฤษภาคม 2526
ที่เกิด :  Thailand

การศึกษา
มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเซนต์โยเซฟบางนา
มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์
ปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

งานอดิเรก : เล่นกีฬา, ฟังเพลง,ช้อปปิ้ง
แนวเพลงโปรด : Pop Dance
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : เปียโน
ศิลปินที่ชอบ : The Moffatts, ธงไชย แมคอินไตย์
คติประจำใจ : Today is the best day
ความสามารถพิเศษ : เต้นรำ 

รางวัล
- ปี 2542-2543 ได้รับรางวัลนักร้องดีเด่นเพื่อเยาวชน ฝ่ายหญิง
- ปี 2544 ได้รับการคัดเลือกเป็นเยาวชนดีเด่น สาขาคุณธรรมและจริยธรรม
- ปี 2547 ได้รับเลือกจากสถานีโทรทัศน์ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ให้เป็นตัวแทนศิลปินไทยเพื่อทำหน้าที่ทูตทางวัฒนธรรมดนตรี

ขอบคุณที่มา : http://club.zubzip.com





“หญิง รฐา” สาวร้อนแห่งปี เปิดใจยอมรับใช้ “นม” เป็นใบเบิกทาง ไม่หวั่นต่อไปนี้คนจะมองเป็นสาวเซ็กซี่เป็นเครื่องหมายทางเพศ เพราะได้ตัดสินใจรับงานไปแล้ว ต้องรับให้ได้กับผลที่ตามมา บอกต่อไปนี้ คือ บทพิสูจน์ว่าถ้าต่อไปใส่เสื้อผ้าเล่นทั้งเรื่อง โดยที่ไม่ถอดจะได้รับการยอมรับหรือไม่
       
       เมื่อ 10 กว่าปีก่อนเรารู้จัก “หญิง รฐา โพธิ์งาม” ในฐานะลูกกตัญญูของ “น้อย โพธิ์งาม” ที่ช่วยแม่ทำมาหากินหาเงินใช้หนี้ มีชีวิตที่ยากลำบากสองคนแม่ลูก จากนั้นหญิงก็ก้าวไปเป็นนักร้องในสังกัดของแกรมมี่ มีความสามารถด้านการร้องเพลง และการเต้น ตอนนั้นหญิงประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง มีผลงานเพลงออกมาไม่กี่อัลบั้ม ก่อนจะหายเงียบไป ไม่ได้ผันตัวเองเป็นนักแสดงเหมือนนักร้องคนอื่นๆ เพราะหน้าตายังไม่แจ่มพอสำหรับการที่ก้าวเข้ามาเป็นดาราที่จะต้องสวยทุกมุม



       
       แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หญิงมาปรากฏตัวในบท “ฟ้าใส ใจสะออน” นักร้องลูกทุ่งสาวในละคร “ต้มยำลำซิ่ง” ที่เจ้าตัวรับบทร้าย ซึ่งได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะในเรื่องแอ็กติ้ง และหน้าตาของหญิงที่พัฒนาขีดความสวยขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา พร้อมกับมีข่าวว่า เจ้าตัวโกอินเตอร์เล่นหนัง ONLY GOD FORGIVES ของ “ไรอัล กอสลิง” ก่อนจะมาโด่งดังสุดขีดหลังจากเปิดตัวว่ารับบท “คุณบุญเลื่อง” สาวใหญ่ร้อนรักในหนังจันดารา
       
       นาทีนี้ต้องบอกว่า หญิงแจ้งเกิดไปอย่างสวยงาม และดังในระดับที่สามารถรับบทนักแสดงนำในละครเวที “แม่เบี้ย” ได้ แสดงว่า ชื่อของหญิงต้องสามารถเรียกคนดูได้ไม่น้อย ไม่งั้นผู้จัดงานคงไม่ว่าจ้างมาร่วมงาน แต่กว่าจะมีวันนี้มาได้ หญิงบอกว่าไม่ใช่ความฟลุค แต่มันเป็นความพยายามของหญิงที่ทุ่มอย่างสุดพลังกว่าจะได้แต่ละงานชิ้น ชนิดที่ว่าเคยเสียน้ำตามาแล้วหลายหน และแม้ว่าวันนี้ใครจะบอกว่า หญิงดังเพราะนมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเธอยอมรับจริงๆ ว่า นั่นคือใบเบิกทางที่ดี !
       
       “หญิงว่ามันเป็นไทม์มิ่งของชีวิตคนมากกว่า หญิงอาจจะมีไทม์มิ่งที่ดีแค่แบบ....ไม่รู้สิอาจจะแค่ปีนี้ปีเดียวก็ได้ หรืออีกสามถึงห้าปี อนาคตคนเราชีวิตเราเปลี่ยนไปได้วันหนึ่งเราอาจเจอใครเราแต่งงานมีครอบครัวแน่นอนความใส่ใจเราไม่ใช่เรื่องงานและมันเป็นเรื่องครอบครัวแล้ว ตัวหญิงเองก็ผ่านอะไรมาเยอะทุกข์ก็เยอะสุขก็เยอะ ตอนนี้มันเป็นเรื่องของความเหนื่อยในการทำงานเต็มที่ และเรารู้สึกว่ามันพึ่งเริ่มก็อยากที่จะให้เวลาเยอะๆ กับตัวเองในการทำงาน”
       
       “คนอาจจะมองว่าปีนี้หญิงงานเยอะ แต่หญิงไม่ได้มองว่ามันเยอะแล้วให้อะไร หญิงมองว่ามันเยอะแล้วรู้สึกว่ามันก็ดีนะที่วันนี้เราได้เหนื่อย ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรทำ หรือว่าอยู่เฉยๆ หญิงได้รับโอกาสที่ดีจากผู้ใหญ่ต้องขอบคุณทุกคนทุกท่านด้วยมากๆ และสิ่งต่อจากนี้มันคงอยู่ที่ความประพฤติเราล่ะ คนจะรักเรา ทีมงานผู้จัดจะรักเราไหม มันเป็นเรื่องของความประพฤติล้วนๆ ที่เหลือมันคือหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ ตอนนี้เป็นช่วงที่กอบโกย เพราะทำให้คนอื่นมาเยอะแล้ว”
       
       “ชีวิตหญิงเหนื่อยมาเยอะมากกับการทำงานสิ่งที่เราต้องดูแลภาระทุกอย่างที่เราต้องทำมาเกือบตลอดชีวิต หญิงว่ามันคงเป็นกรรมชาติที่แล้วเราคงไปเอาของเขามา เราก็ต้องพยายามถ่ายถอนให้มันดีหมดไป แล้วมันคงถึงเวลาที่หญิงจะมาสร้างอะไรให้กับตัวเองซะที ทำอะไรให้ตัวเองได้อย่างเต็มร้อย”
       
       “ที่ผ่านมา หญิงทำอะไรได้ก็ต้องให้คนอื่นหมด ซึ่งหญิงพยายามที่จะคิดให้มันเป็นเรื่องของกรรมไม่อยากคิดว่าใครจะโกงใครไม่มีคำถามแล้ว แต่วันนี้มันคงเป็นเหมือนวันที่เขาต้องคืนเราบ้างแล้ว หมายถึงคืนจากสิ่งที่เราทำไปบุญกุศลไป สิ่งที่เราได้สร้างไว้มันกำลังส่งผล บุญมันทำได้ทุกอย่างแค่เราทำตัวดีกับคนอื่น เรายิ้มให้คนอื่นเราทำให้เขาสบายใจมันก็เป็นกุศลแล้ว”
       
       “เคยนั่งถามแม่เหมือนกันตอนนั้นละครเรื่องต้มยำลำซิ่งกำลังจะจบ และเราพึ่งออกจากแกรมมี่ ก็ถามแม่ว่าแล้วต่อไปหญิงจะมีงานไหมแม่ เพราะแกรมมี่เราก็หมดสัญญาแล้ว แม่ก็บอกว่าถ้าเราเป็นคนรับผิดชอบ เป็นนักแสดงที่ดี มีระเบียบวินัย คนเห็นผลงานคนก็อยากร่วมงาน และสองเวลาที่หญิงอยู่ในกองถ่าย เราเป็นเด็กน่ารักผู้จัดเขาก็แบบจะบอกต่อใครๆ ก็อยากทำงานกับเราและมันก็เป็นแบบนนั้นจริงๆ”
       
       “อยู่ดีๆ ก็มีงานก็เข้ามาแบบงงๆ ทุกวันนี้เรารู้สึกว่าชีวิตมีความสุขมากขึ้น หญิงเห็นแม่ทำงานเหนื่อยน้อยลง แล้วรู้สึกว่ามีความสุข ตอนนี้ชีวิตของหญิงดีขึ้น ทำให้ชีวิตของแม่ก็ดีขึ้นด้วย แม่มีงานละครแล้ว เขาได้กลับมาทำสิ่งที่เขารักแล้วไม่เหมือนก่อนที่เขาจะต้องเข้าไปดูร้านเข้าไปทำงานทุกอย่าง เพราะต้องหาเงิน เรารู้ว่าการที่มันไม่มีงานเป็นยังไง และแม่ไม่ได้ถ่ายละครมานานแค่ไหน เราเห็นสายตาเขาเวลาที่เห็นเราออกทีวีร้องเพลง มันทำให้หญิงรู้ว่า แม่คิดถึงงานในวงการมากแค่ไหน ในวันนี้ที่หญิงเริ่มมีงานมากขึ้น ทำให้แม่ไม่ต้องเหนื่อยกับทางร้านทำให้เขาได้มีโอกาสไปเล่นละครทำให้เขามีความสุขมาก”
       
       กว่าจะมีวันนี้ต้องผิดหวัง และเสียน้ำตามามากมาย
       
       “หญิงค่อนข้างหายเงียบไปนานมาก พึ่งจะมาเริ่มมีข่าวก็ตอนที่ได้เล่นหนัง ONLY GOD FORGIVES ของไรอัล กอสลิง แต่กว่าจะได้งานหนังฝรั่งเรื่องนี้ หญิงแคสมาหลายเรื่อง คนอาจจะรู้สึกว่าหญิงโชคดีนะปีนี้งานเยอะมีทั้งหนังทั้งละคร แต่ไม่มีใครรู้ว่า 3-4 ปีที่ผ่านมา หญิงแคสหนังฝรั่งเยอะมาก หญิงพลาดเยอะมาก หญิงร้องไห้เยอะมาก เพราะเราจะมีความตั้งใจกับมันมาก มันเลยสอนให้เรารู้สึกแข็งแรงขึ้นในระดับหนึ่งว่า ถ้ามันไม่ใช่ของเรามันก็ไม่ใช่ของเรา”
       
       “หญิงแคสมาหมดแล้วเป็นคนที่ชอบแคสติ้งมาก ถามพี่ๆ ที่เป็นแคสติ้งไทยเขาจะรู้เลยหญิงไปแคสหมดหนังยุโรปหนังอะไรกว่าจะได้เรื่องนี้ก็สุดๆ แล้ว เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะได้เลยนะ เพราะหนังถูกปิดโปรเจกต์ไปปีหนึ่งเต็มๆ เพราะโปรดิวเซอร์เขาไปทำเรื่องไดร์ฟอยู่ที่อเมริกา ก็ต้องรอโดยที่เราไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว คือ ผิดหวังไปแล้วด้วยซ้ำว่าเราคงไม่ได้เล่นแล้ว อยู่ๆ ไปก็ไปๆ มาๆ โปรดิวเซอร์ก็ไปสนิทกับ ไรอัน กอสลิง ก็ชวนกันมาทำโปรเจกต์ขึ้นมาใหม่อีก เราก็ได้มีโอกาสติดร่างแหไปด้วย”
       
       “แล้วอยู่ดีๆ พอเราได้ภาพยนตร์เรื่องนี้ปุ๊บเรื่องอื่นมันตามมาเรื่อยๆ เรารู้สึกแบบว่า เออ...มันอาจจะเป็นระยะเวลาของคนจริงๆ มันเหมือนคลื่นเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง หญิงรู้สึกแบบนั้นแล้วไม่มีใครรู้ ทุกคนรู้วันนี้เราโชคดี แต่ไม่มีใครรับรู้วันที่เราต้องเสียใจเสียน้ำตา ดังนั้นเหมือนกันทุกงานตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้หญิงจะไม่พยายามที่จะคิดว่าเราจะได้อะไร เพราะรู้สึกว่าเวลาคิดว่าจะได้มันไม่ได้สักที แต่พอคิดว่ามันไม่น่าจะได้มันกลับได้”
       
       เผยเหตุที่ต้องไปแคสแต่หนังต่างประเทศ เพราะติดสัญญากับแกรมมี่ไม่สามารถรับงานของไทยได้
       “ณ ตอนนั้นที่หญิงไม่มีงาน หญิงอยู่ค่ายมีค่ายดูแล แต่งานที่ค่ายไม่ได้มีงานที่เป็นภาพยนตร์เท่าไหร่ ดังนั้น พอเราไปแคสหนังต่างประเทศ หญิงคิดว่ามันไม่ได้มีผลกระทบอะไรเท่าไหร่กับทางค่าย เพราะเขาก็ไม่ได้ป้อนงานภาพยนตร์ งานต่างประเทศจึงเป็นงานเดียวที่หญิงคิดว่าเราสามารถไปแคสได้ เพราะไม่กระทบค่ายก็เลยแคสมาโดยตลอด แต่เราก็บอกทางค่ายตลอดว่าเราไปเล่นนะหญิงเล่นไปแล้วเป็นหนังเล็กๆ เป็นซีรีย์ของเยอรมันไปแล้วหนึ่งเรื่อง ซึ่งทางค่ายก็รู้ซึ่งมันไม่ใช่หนังที่ใหญ่มาก แต่พอเราหมดสัญญาปุ๊บดันได้โปรเจกต์ใหญ่เรื่องนี้พอดีก็เลยโชคดี”
       
       “การมีค่ายดูแลมันก็เป็นระบบในการทำงานที่ดี สำหรับหญิงนะ เพราะหญิงโตมากับค่ายมันสอนให้เราเป็นระบบในการทำงาน แต่ว่าหลายๆ คนก็อาจจะคิดว่ากว่าจะถึงตัวศิลปินจริงๆ มันยาก ทั้งที่ศิลปินคุยง่ายมากนะแต่เราเข้าใจว่าบริษัทสร้างภาพสร้างมูลค่าให้ศิลปิน”
       
       “แต่ถ้าจะให้ต่อสัญญา หญิงว่าหญิงยังสนุกกับงานละครอยู่ แต่ถ้าเรื่องเพลงคงไม่ไปไหน เพราะถ้าจะทำเพลงก็คงกลับไปแกรมมี่อยู่แล้วและแกรมมี่ก็ไม่ได้ปิดไม่ว่าจะเป็นอากู๋ พี่ๆ ทุกคนก็บอกว่าถ้าจะกลับมาร้องเพลงก็มา แต่หญิงรู้สึกว่าตอนนี้ก็คือเรายังสนุกกับตรงนี้ แล้วมันให้เราพัฒนาได้เยอะการได้เปลี่ยนคาแรคเตอร์ต่างๆ มันทำให้เราได้พัฒนาตัวเองในเรื่องของงานในเรื่องของการแสดง แล้วเรารู้สึกดีชอบดูเวลาคนเห็นว่าเราเปลี่ยนแล้วเขาเชื่อเราไหม ทำให้เขาเชื่อว่าเปลี่ยนได้จริงไหม เป็นอิสระดีกว่า”
       
       ยอมรับใช้ “นม” เป็นใบเบิกทาง
       
       “หญิงพึ่งเริ่มการเป็นนักแสดงในปีสองปีนี้เอง ตั้งแต่ละครเรื่องต้มยำลำซิ่งปีที่แล้ว และก็มาหนังเรื่องจันดาราปีนี้ ก็รู้สึกว่างานแสดงมันพึ่งเริ่มต้น แต่กระแสของจันดาราแรงมาก เพราะมันมีฉากหวือหวา หลายๆ คนก็คิดว่าถอดไม่ถอด ก็เลยทำให้คนหันมาสนใจเรา บางคนบอกว่าหญิงใช้นมเป็นใบเบิกทาง ถามว่า เป็นใบเบิกทางไหม หญิงคิดว่ามันก็เป็นงานที่หลายคนสนใจ แต่อยากให้มาดูหลังจากนี้ดีกว่ามันจะทำให้เราเติบโตได้แค่ไหน บางงานที่เราไม่ต้องถอดเราจะทำได้ไหม คนจะยังสนใจเราอยู่หรือเปล่า หญิงยอมรับว่างานนี้เป็นใบเบิกทางที่ดีมันการเริ่มต้นของชีวิต ถ้าวันหนึ่งเรามีละครที่ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าเลยทั้งเรื่องจะเป็นยังไง หญิงเชื่อว่ามันเป็นการท้าทายของหญิง”
       
       “สำหรับเรื่องจันดารา หญิงได้คุยกับหม่อมน้อยไว้แล้ว ตั้งแต่ก่อนถ่ายว่ามันจะมีฉากประมาณไหน ก็ไปเล่าให้แม่ฟังและแม่ก็โอเค ซึ่งถ้าแม่โอเคหญิงไม่มีปัญหาเลย เราเล่นแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่ามันเยอะไป หรือไม่สบายที่จะเล่น หญิงพร้อมที่จะทำและหญิงยังถามหม่อมน้อยเลยว่า เอาเยอะกว่านี้หรือเปล่า อยากให้หนูทำยังไง อยากให้หนูเล่นยังไง เพื่อจะได้ให้มันออกมาสมจริงมากที่สุด”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น